12-09-2021 share
ไถสมาร์ทโฟนอยู่ทุกวัน เชื่อมากๆ เลยว่าหลายคนต้องเห็นข่าวอุบัติเหตุบนถนน ที่ทำให้ทรัพย์สินของคนขับรถเสียหาย คู่กรณีเสียหาย และขับรถชนของหลวงเสียหาย เงินติดล้อเลยฉุกคิดว่า ถ้าเกิดขับรถชนของหลวง เช่น ขับรถชนเสาไฟฟ้า ขับรถชนแบริเออร์ ที่เป็นทรัพย์สินของรัฐ ประกันรถยนต์จ่ายไหม ใครรับผิดชอบ?
ของหลวงของสาธารณะ จะมีหน่วยงานดูแลอยู่แล้ว ดังนั้น การขับรถชนของหลวงด้วยความประมาท หรือไม่ได้ตั้งใจ ยังไงก็มีความผิดครับ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเป็นผู้ประเมินค่าเสียหาย ซึ่งถ้าถามว่าขับรถชนของหลวงใครรับผิดชอบ คำตอบก็คือ “คุณ” และคุณต้องเป็นคนจ่ายค่าปรับ
แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีทางออก เพราะประกันรถยนต์จะเป็นฮีโร่ผู้มาช่วยจ่ายค่าปรับให้ แต่ถ้าค่าปรับเกินกว่าเงื่อนไขการรับผิดชอบของประกัน คุณต้องจ่ายค่าส่วนต่างที่เหลือเองนะครับ ซึ่งในกรณีนี้ที่เป็นการขับรถชนเสาไฟฟ้า ป้ายทางหลวง แบริเออร์ เป็นอุบัติเหตุ รถชนแบบไม่มีคู่กรณี
ดังนั้น ประกันที่คุ้มครองครอบคลุมไปถึงเงื่อนไขนี้ก็มีเพียง ประกันรถยนต์ชั้น 1 เท่านั้น ซึ่ง ประกันรถยนต์ชั้น 2+ หรือ ประกันรถชั้น 3+ จะไม่ได้คุ้มครองในกรณีนี้ หมายความว่าคุณต้องจ่ายค่าเสียหายเองทั้งหมด ดังนั้น การมีประกันรถยนต์จึงอุ่นใจมากๆ เลยล่ะครับ
ถึงจะเป็นของหลวง ของสาธารณะ แต่ก็มีเจ้าของนะครับ ดังนั้น ถ้าเกิดอุบัติเหตุรถชนขึ้นมา แล้วดันเป็นการขับรถชนเสาไฟฟ้า รถชนแบริเออร์ ก็ต้องเสียค่าปรับให้กับการไฟฟ้านครหลวง กรมทางหลวง ฯลฯ
โดยค่าปรับที่คุณต้องจ่ายเมื่อขับรถชนของสาธารณะต่อไปนี้ เป็นเพียงการประเมินราคาเบื้องต้นเท่านั้น เพราะในสถานที่เกิดเหตุจริง อาจมีความเสียหายอื่นๆ ทำให้ถูกคิดค่าเสียหายเพิ่มเติมครับ
เริ่มกันที่ขับรถชนเสาไฟฟ้าเลยนะครับ เสาไฟฟ้าแต่ละต้นมีราคาที่แตกต่างกัน มีค่ารื้อถอน คำนวณจากความสูงของเสาไฟฟ้า อีกทั้งมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ เพิ่มด้วยเช่น ค่าเดินสายไฟใหม่ ค่าหม้อแปลง ฯลฯ
ทำให้ค่าปรับของการขับรถเสาไฟฟ้าระบุเป็นตัวเลขที่แน่ชัดไม่ได้ โดยราคาต่อเสาไฟฟ้า 1 ต้นคุณอาจเสียค่าปรับตั้งแต่ 3,232.68 ถึง 42,046.24 บาท เห็นราคาแล้วมีประกันรถยนต์เอาไว้น่าจะอุ่นใจกว่านะ
ขับรถชนแบริเออร์ เกิดขึ้นได้บ่อยๆ ครับ เพราะเป็นอุปกรณ์กันขวางทางที่ทำให้คุณหักเลี้ยวจนชนเข้าได้ ซึ่งแบริเออร์อยู่ภายใต้การดูแลของรัฐ ขับรถชนแบริเออร์ เสียค่าปรับอยู่ที่ราวๆ 800 - 15,000 บาท ต่อชิ้น
ทั้งนี้จะเป็นจำนวนเท่าไหร่ในราคาสุทธิอยู่ที่ว่าคุณทำแบริเออร์พังไปกี่ชั้น เสียหายเท่าไหร่ วัสดุของแบริเออร์เป็นประเภทใด สมมติว่าแบริเออร์นั้นมีไว้เพื่อกันดินทราย ก็จะเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเพราะมีค่าแรงอันอื่นๆ
ถึงจะราคาไม่มาก พอจะจ่ายไหว แต่การมีประกันรถยนต์เอาไว้ ก็สบายใจกว่าครับ ในกรณีที่เป็นแบริเออร์เช่นนี้ ประกันรถยนต์ชั้น 1 ก็คงจะตอบโจทย์ที่สุดแล้วนะครับ